ประจำเดือนของคุณปกติหรือเปล่า???
คุณเคยมีอาการอย่างนี้บ้างหรือไม่ ปวดประจำเดือนมาก มีอาการหนาวร้อน โลหิตจาง เลือดลมไม่ดี เจ็บชายโครง ประจำเดือนเป็นก้อนสีดำ บางคนมีน้อย ตกขาวมากและร้อนใน บางคนมาไม่แน่นอน มา ๆ หยุด ๆ หรือมาไม่ยอมหยุด จนทำให้อ่อนเพลีย หน้าซีด ตลอดจนเป็นไข้ทับฤดู (ประจำเดือนมาแล้วมีไข้ หนาว ๆ ร้อน ๆ)
สาวคนไหนไม่มีทุกข์เรื่องเกี่ยวกับ ประจำเดือน จงภูมิใจได้ว่าชีวิตนี้โชคดีมาก เพราะยังมีสาวๆ อีกมากที่เป็นทุกข์รายเดือน บ้างมาน้อยไป มากไป มีแล้วหงุดหงิด เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด (เพราะระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงเป็นเหตุ) บางคนก็ปวดท้อง ตั้งแต่ปวดนิดหน่อยไปจนถึงปวดจนตัวโก่งตัวงอ บางคนถึงกับนอนซมทำงานไม่ได้เลยก็มี ไม่ว่าจะเป็นวันมามาก มาน้อย หรือไม่มาเลย หรือมีอาการปวดต่างๆ แถมให้ ระหว่างมีประจำเดือน ล้วนมีทั้งที่เป็นอาการปกติ และแบบที่ผิดปกติ คุณคงต้องลองสังเกตดูว่าแบบที่คุณเป็นนั้นเป็นแบบไหน อย่างไรกัน
ประจำเดือนขาดเกิดจากอะไร ???
สูตินรีแพทย์ได้จัดลำดับขั้นตอนของการขาดประจำเดือนนี้ไว้เป็น 2 ระดับ คือ
1. ระดับปฐมภูมิ (PrimaryAmenorrhea) คือการที่ไม่มีประจำเดือนมาเลย เมื่อถึงวัยแรกสาว โดยทั่วไปแพทย์จะถือว่าผิดปกติ ถ้าอายุ 14 ปีแล้วยังไม่มีพัฒนาการทางเพศ และไม่มีประจำเดือน หรือมีพัฒนาการทางเพศแล้ว เช่นมีหน้าอกแต่ไม่มีประจำเดือนเมื่ออายุ 16 ปีขึ้นไป
2. ระดับทุติยภูมิ (Secondary Amenorrhea) คือ การที่คุณเคยมีประจำเดือนเป็นปกติมาก่อน แต่อยู่ดีๆ ก็มีอันต้องขาดๆ หายๆ มาบ้างไม่มาบ้าง ติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 3 รอบเดือน ซึ่งโดยปกติแล้วช่วงเวลาที่ผู้หญิงเราจะขาดประจำเดือนมีอยู่ 4 ช่วงด้วยกัน คือ
นอกจากนี้แล้วอาจจะเกิดจากสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งเหล่านี้
อาการปวดท้องระหว่างมีประจำเดือน
หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มักจะไม่สบายตัวเสมอเมื่อถึงวันนั้นของเดือน ก็คงไม่แปลกนักเพราะสาวๆ กว่าครึ่งค่อนโลกที่อยู่ในวัยมีประจำเดือน มักจะเกิดอาการปวดเนื้อเมื่อยตัว โดยเฉพาะปวดบริเวณท้องน้อย หรือเป็นตะคริว ซึ่งมักจะเป็นมากในช่วงวันแรกๆ หากโชคดีหน่อยอาจเป็นเพียง 1-2 วันก็หาย หรือปวดตลอดช่วงเวลามีประจำเดือนเลยก็มี
บางคนยังมีอาการเกี่ยวเนื่องด้วย เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ ท้องผูก ท้องร่วง บางครั้งอาจถึงกับอาเจียนได้ ตัวการสำคัญคือเจ้าฮอร์โมน Prostaglandins เป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่ผลิตโดยเซลล์ในเยื่อบุมดลูก Prostaglandins นี้จะเป็นตัวที่คอยควบคุมและกระตุ้นมดลูกให้หดเกร็งระหว่างที่กำลังมีประจำเดือน หรือระหว่างคลอดบุตร การหดเกร็งของมดลูกทำให้เราเจ็บปวด และขณะที่กล้ามเนื้อมดลูกหดตัวจะกดเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก เนื้อเยื่อได้รับเลือดมาเลี้ยงไม่เพียงพอ จึงมีอาการปวดมากขึ้น อาการปวดประจำเดือนแบบนี้มี 2 ระดับเช่นกันคือ
1.ระดับปฐมภูมิ (PrimaryDysmenorrhea)
อาการปวดที่เกิดจากการหดเกร็งตัวของมดลูก ปวดไม่มากแต่ชวนหงุดหงิด รำคาญตัว โดยฮอร์โมน Prostaglandins เป็นเหตุ ไม่มีสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ แพทย์ว่าปวดเช่นนี้ถือเป็นปกติ ยกเว้นรายที่มีอาการปวดมากๆ อาจต้องให้ยาบรรเทาปวดช่วยด้วย
2.ระดับทุติยภูมิ (SecondaryDysmenorrhea)
อาการปวดอีกระดับหนึ่งที่มักจะรุนแรงกว่าแบบแรก ซึ่งมักมีสาเหตุจากความผิดปกติทางสูตินรีเวชบางอย่าง เช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือ Endometriosis (เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด)
• ปีกมดลูกอักเสบ
• เนื้องอกในมดลูก
• คอมดลูกแคบ ทำให้เลือดประจำเดือนไหลไม่สะดวก
มีประจำเดือนออกมามากเกินไปหรือเปล่า??
• ความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
• เกิดมีเนื้องอก ที่กล้ามเนื้อมดลูกหรือคอมดลูก
• เยื่อบุมดลูกอักเสบ จากเชื้อแบคทีเรีย
• เกิดซีสต์ในรังไข่
• มีความผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
นอกจากนี้คุณผู้หญิงที่มีน้ำหนักตัวมาก มีลูกมาแล้วหลายคน คนที่มักจะเครียด หดหู่ ซึมเศร้า สูบบุหรี่จัด หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็มีโอกาสที่ประจำเดือนของคุณจะมามากเกินปกติได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม หากพบว่าคุณมีเลือดออกมากเกินไป ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยอาการ รับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุด เพราะสาเหตุของความผิดปกติของประจำเดือนที่ต่างกัน ก็ต้องใช้การรักษาต่างๆ กันออกไป เมื่อพบสาเหตุก็ควรจัดการแต่เนิ่นๆ อย่ามัวรีรอหรือกลัวหมออยู่เลย และนอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายเป็นประจำ ก็จะช่วยให้ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ครับ
ภาวะช็อคโกแล็ตซีสต์ ถุงน้ำ พังผืด และเนื้องอก
สำหรับภาวะดังกล่าว ที่สถานพยาบาลมียาสมุนไพรจีนเฉพาะทางที่ช่วยรักษาภาวะของเสียในมดลูกที่ตกค้างได้โดยเฉพาะครับ ซึ่งส่งผลทำให้ปวดท้องประจำเดือนมาก ท่อนำรังไข่ตัน รวมทั้งส่งผลต่อการมีบุตรยากด้วยครับ
ที่สถานพยาบาลเกษมเวชกรรม มีคุณหมอที่มีประสบการณ์การตรวจแมะมามากกว่า 30 ปี เข้าใจปัญหาของโรคต่างๆ อย่างถ่องแท้ สำหรับคุณผู้หญิงที่มีปัญหาดังกล่าว สามารถรักษาให้หายขาดได้
ทางสถานพยาบาลยินดีให้ ตรวจแมะฟรี!!! และ ให้คำปรึกษาฟรี!!!
โทร. 02-969-7667-8 , 02-527-1289 (หยุดทุกวันพุธ) ตั้งแต่เวลา 9:00-19:00น.
Facebook: www.facebook.com/kasemwet
Line id: @kasemwet